ปรับปรุงล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2555
เรื่อง: FBI เตรียมปิดเซิร์ฟเวอร์ DNS Changer ในวันที่ 9 ก.ค. 2555 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดมัลแวร์จะไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
ประเภทภัยคุกคาม: Denial of Service
ข้อมูลทั่วไป
มัลแวร์ DNS Changer ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี 2550 โดยสามารถทำงานได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac OS X มัลแวร์ดังกล่าวนี้จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า DNS Server ในเครื่องที่ตกเป็นเหยื่อ เพื่อส่งผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์หลอกลวงที่แฮ็กเกอร์สร้างขึ้น หรือติดตามการใช้งานอินเทอร์เน็ตและขโมยข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ จากการตรวจสอบในตอนนั้นพบว่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดมัลแวร์นี้กว่า 4 ล้านเครื่องทั่วโลก [1]ใน เดือนพฤศจิกายน 2554 หน่วยงาน FBI ได้ปฏิบัติภารกิจ Operation Ghost Click และได้ทำการจับกุมผู้พัฒนาและเผยแพร่มัลแวร์ DNS Changer พร้อมทั้งยึดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น DNS Server ปลอมมาไว้ในการควบคุมเพื่อใช้ในการวิเคราะห์สอบสวน อย่างไรก็ตาม ทาง FBI ไม่สามารถที่จะปิดเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวได้ เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดมัลแวร์ DNS Changer จำเป็นต้องติดต่อกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น DNS Server ปลอมในทุกครั้งที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต หากปิดเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถูกตัดขาดจากอินเทอร์เน็ตโดยทันที [2] [3]
FBI มีความพยายามที่จะปิดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวอยู่หลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากพบว่ามีคอมพิวเตอร์จำนวนมากที่ยังคงติดมัลแว ร์ DNS Changer อยู่ โดยจากการตรวจสอบในเดือนมีนาคม 2555 พบว่าทั่วโลกยังมีเครื่องที่ติดมัลแวร์อยู่ประมาณ 450,000 เครื่อง และในจำนวนนั้นมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในหน่วยงานสำคัญของทางราชการอยู่ด้วย จนกระทั่งวันที่ 23 เมษายน 2555 ทาง FBI ได้ประกาศว่า จะทำการปิดเครื่อง DNS Server ปลอมลงชั่วคราวในวันที่ 9 กรกฎาคม 2555 เพื่อทำความสะอาด การปิดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยังติด มัลแวร์อยู่จะไม่สามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ [4] [5]
ผลกระทบ
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดมัลแวร์ DNS Changer และไม่ได้ทำการแก้ไข จะไม่สามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2555ระบบที่ได้รับผลกระทบ
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows หรือ Mac OS X ที่ติดมัลแวร์ DNS Changerข้อแนะนำในการป้องกันและแก้ไข
FBI ได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการจัดทำเว็บไซต์ DNS Changer Working Group (DCWG) เพื่อช่วยตรวจสอบและกำจัดมัลแวร์ DNS Changer ออกจากระบบ ผู้ใช้สามารถเข้าไปใช้งานได้ที่ http://www.dcwg.org/ในการตรวจสอบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ติดมัลแวร์หรือไม่ สามารถทำได้โดยการเข้าไปที่หน้า http://www.dcwg.org/detect/ แล้วคลิกที่ลิงก์ของเว็บไซต์ dns-ok จากนั้นเมื่อระบบทำการตรวจสอบเสร็จสิ้นก็จะแสดงข้อความเพื่อบอกว่าเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่นั้นติดมัลแวร์หรือไม่ ถ้าหากไม่ติดก็จะแสดงข้อความ DNS Resolution = Green แต่หากติดมัลแวร์จะแสดงข้อความ DNS Resolution = Red ดังรูปที่ 1

รูปที่ 1 แสดงผลการตรวจสอบ DNS โดยใช้เว็บไซต์ www.dns-ok.us

รูปที่ 2 การแจ้งเตือนผู้ใช้ที่ติดมัลแวร์ DNS Changer ของ Google

รูปที่ 3 การแจ้งเตือนผู้ใช้ที่ติดมัลแวร์ DNS Changer ของ Facebook
หลังจากกำจัดมัลแวร์แล้ว การตั้งค่า DNS Server ที่เกิดจากมัลแวร์อาจยังคงติดค้างอยู่ในระบบซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาภาย หลังได้ [7] ทาง Avira ได้พัฒนาเครื่องมือสำหรับซ่อมแซมระบบ Windows ที่ได้รับผลกระทบจากมัลแวร์ DNS Server โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของ Avira [8]
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรติดตั้งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสและหมั่นอัพเดตฐานข้อมูลให้เป็นเวอร์ ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ เพื่อช่วยในการตรวจจับและป้องกันปัญหาการติดมัลแวร์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ใน อนาคต
อ้างอิง
- http://www.fbi.gov/news/stories/2011/november/malware_110911/DNS-changer-malware.pdf
- http://reviews.cnet.com/8301-13727_7-57322316-263/fbi-tackles-dnschanger-malware-scam/
- http://www.fbi.gov/news/stories/2011/november/malware_110911
- http://www.theage.com.au/digital-life/consumer-security/internet-users-warned-of-big-blackout-in-july-20120329-1w172.html#ixzz1qW2sYEy8
- http://reviews.cnet.com/8301-13727_7-57421311-263/renewed-efforts-to-revert-dnschanger-in-effect
- http://nakedsecurity.sophos.com/2012/05/23/google-malware/
- https://www.facebook.com/notes/facebook-security/notifying-dnschanger-victims/10150833689760766
- https://www.hkcert.org/my_url/en/blog/12062701
- http://www.avira.com/en/support-for-home-knowledgebase-detail/kbid/1199